16 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการศัลยกรรมหน้าอก ใครอยากเสริมหน้าอกควรรู้

"ก่อนจะเสริมหน้าอกต้องรู้อะไรบ้าง
16 คำถามยอดฮิตที่รวบรวมจากคนไข้จำนวนมาก
มาหาคำตอบกับศัลยแพทย์อันดับ 1 ของเรากันค่ะ"

 💓สวัสดีค่ะ💓
 ↬ นานะมาแล้วนะคะ ↫

ก่อนจะทำศัลยกรรมหน้าอก คนไข้ควรจะถามตนเองให้แน่ชัด
ว่าเหตุใดจึงอยากทำศัลยกรรมหน้าอก
⇒ เพื่อเสริมบุคลิคภาพ เพิ่มความมั่นใจ
⇒ เพื่อการทำงานที่ต้องโชว์สรีระ
⇒ เพื่อแก้ปัญหาหน้าอก เช่นคุณแม่หลังหย่านมบุตร

คำถามที่ควรทราบก่อนจะทำศัลยกรรมหน้าอก

Q: คุณหมอมีประสบการณ์ด้านการทำศัลยกรรมหน้าอกมากแค่ไหน และเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงหรือไม่ ?
A: ศัลยแพทย์ฮวังดงยอน ผ่านเคสผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกมามากกว่า 3,000 เคส เป็นศัลยแพทย์หน้าอกเฉพาะทางยาวนานมากว่าสิบปี และได้รับรางวัลจากบริษัทผลิตซิลิโคนในการใช้ซิลิโคนมากที่สุดในประเทศเกาหลี

Q: คุณหมอมีความเชี่ยวชาญการทำศัลยกรรมด้านไหนที่สุด ?
A: คุณหมอฮวังดงยอนเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหน้าอก อาทิเช่น เสริมหน้าอก ยกกระชับหน้าอก ลดขนาดหน้าอก ลดขนาดปานนม ลดขนามหัวนม และในเรื่องของศัลยกรรมรูปร่าง อาทิเช่นการดูดไขมัน ตัดหนังหน้าท้อง

Q. การเสริมซิลิโคนนั้นสามารถอยู่ได้กี่ปี  ต้องมีการผ่าตัดแก้ไขในอนาคตหรือไม่ ?
A: ก่อนหน้านี้หลายคนคงจะเคยทราบข้อมูลกันมาบ้างแล้วว่า ซิลิโคนเสริมหน้าอกควรเปลี่ยนใหม่ทุก ๆ 10 ปี เนื่องจากซิลิโคนจะเริ่มเสื่อมลงเมื่อมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะปัญหารั่วซึมของซิลิโคนอาจพบได้บ่อยที่สุด แต่ทั้งนี้ปัจจุบันถือว่าเปลี่ยนไปแล้วค่ะ เนื่องจากซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอกในทุกวันนี้มีมาตรฐานมากขึ้นและมีใบการันตี สามารถมีอายุการใช้งานแบบไม่มีหมดอายุ ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถทิ้งไว้ได้ตลอดชีวิตเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรม การดูแล และกิจวัตรประวันของผู้เสริมหน้าอกในแต่ละรายด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าซิลิโคนจะสามารถอยู่กับเราได้ตลอดชีวิตก็จริง แต่คุณสาว ๆ ก็ควรหมั่นสังเกตหน้าอกของตัวเองอยู่เสมอ หากพบว่ามีความผิดปกติแนะนำให้รีบไปปรึกษาคุณหมอเพื่อแก้ไขทันทีค่ะ หลังจากเสริมไปแล้ว ทุกๆปี ควรตรวจอัลตร้าซาวด์ แมมโมแกรม หรือตรวจอย่างละเอียดด้วยโปรแกรม MRI เพื่อดูความผิดปกติของซิลิโคน



Q: การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อและเหนือกล้ามเนื้อแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะสมกับเรา?
A: ผลของการผ่าตัดเสริมหน้าอกส่วนหนึ่งขึ้นกับการวางถุงเต้านมไว้บริเวณใต้หรือเหนือกล้ามเนื้อหน้าอก ด้วย การวางถุงไว้ใต้กล้ามเนื้ออาจวางไว้ใต้กล้ามเนื้อบางส่วนหรือใต้กล้ามเนื้อทั้งหมดโดยทั่วไปอาจแบ่งตำแหน่ง ที่วางถุงซิลิโคนได้ดังนี้
เหนือกล้ามเนื้อ (SUBGLANDULAR PLACEMENT) เป็นการใส่ถุงเต้านมที่ระดับใต้เนื้อเต้านมโดยที่ถุงซิลิโคนวางอยู่เหนือกล้ามเนื้อ การผ่าตัดไม่ยุ่งยากจึงมีผลข้างเคียงน้อยกว่าและหายเร็วกว่าเหมาะสำหรับสาวนักกีฬาหรือสาวที่มีไขมันหรือเนื้อเหยื่อเต้านมเพียงพอจะเป็นกันชนระหว่างผิวเนื้อกับเต้านมเทียมทำให้ได้เต้านมที่สวยงามเป็นธรรมชาติ แต่มีข้อเสียคือ เสี่ยงต่อการเกิดพังพืดได้มากกว่าและยังตรวจแมมโมแกรมได้ยากกว่า การผ่าตัดเหนือกล้ามเนื้อจะทำให้รูปร่างของเต้านมมีรูปทรงหลังผ่าตัดเต้านมเป็นทรงกลม ซึ่งคนไข้บางคนก็จะเป็นลักษณะเต้านมแบบนี้สวยและดูเป็นธรรมชาติ แต่มีโอกาสจะเกิดพังพืดแข็งได้มากกว่า

➠ ใต้กล้ามเนื้อบางส่วน (PARTIALLY SUBMUSCULAR) เป็นการวางถุงเต้านมไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอกมัดใหญ่มัดเดียวโดยที่จะมีบางส่วนของถุงไม่ถูกปิดทับด้วยกล้ามเนื้อหน้าอกได้แก่บริเวณด้านล่างและด้านข้างของถุงเต้านมการผ่าตัดอาจทำโดยผ่านแผลหัวนมหรือใต้ราวนมโดยผ่าตัดผ่านกล้ามเนื้อและพังพืดบริเวณส่วนล่างของกล้ามเนื้อเพื่อเข้าไปเปิดช่องว่างใต้กล้ามเนื้อ การเสริมใต้กล้ามเนื้อมักไม่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเล็กน้อยเพราะกล้ามเนื้อจะช่วยเป็นผนังด้านนอกอีกชั้นหนึ่งก่อนที่จะถึงถุงเต้านมช่วยให้มีโอกาสคลำขอบถุงได้น้อยลงแต่หลังผ่าตัดจะบวมและเจ็บปวดอยู่นานการอยู่ทรงของทรงหน้าอกหลังการผ่าตัดใช้เวลานานกว่าการผ่าตัดเหนือกล้ามเนื้อโดยที่อาจใช้เวลา 2-3 เดือน โดยกล้ามเนื้อหน้าอกจะค่อยๆยืดจนกระทั่งได้ทรงที่ต้องการ

 ใต้กล้ามเนื้อทั้งหมด (Completely Submuscular) การวางตำแหน่งถุงไว้ใต้กล้ามเนื้อทั้งหมด เป็นการวางถุงเต้านมไว้ใต้กล้ามเนื้อสามมัดคือ ด้านบน และส่วนกลาง วางไว้ใต้กล้ามเนื้อหน้าอกมัดใหญ่ ด้านข้างของหน้าอกส่วนบนวางใต้กล้ามเนื้อด้านข้างของหน้าอก ส่วนด้านล่างวางไว้ใต้ส่วนบนของกล้ามเนื้อท้อง ดังนั้นถุงเต้านมจะถูกคลุมด้วยกล้ามเนื้อทุกด้าน (Rectus abdomininis และ Serratus anterior) กล้ามเนื้อทั้งสามมัดช่วยทำหน้าที่เป็นเปลที่รับถุงซิลิโคนป้องกันไม่ได้มีการเคลื่อนของถุงลงล่าง การผ่าตัดวางถุงใต้กล้ามเนื้อทั้งหมด อาจทำได้ทั้งทางปานนม,ราวนม หรือรักแร้แต่การทำผ่าตัดทางรักแร้มีข้อดีที่กล้ามเนื้อส่วนล่างไม่มีการฉีกขาด



Q: เทคนิคการผ่าตัดของ รพ.นานะ มีความพิเศษอย่างไร?
A: คุณหมอของเราใช้การผ่าตัดด้วยเทคนิค endoscopic ใช้กล้องในการช่วยให้ผ่าตัดได้ผลดีขึ้น มีการประเมินโครงสร้างหน้าอกและเต้านมแบบรอบทิศ 360 องศา เพราะผู้หญิงกว่า90% หน้าอกซ้ายขวามีความไม่เท่ากันแต่มักไม่ทราบปัญหานี้ ดังนั้นการประเมินโครงสร้างหน้าอกที่ละเอียดจะช่วยเลือกซิลิโคน และเทคนิคการผ่าตัดที่ดีที่สุด และปรับรูปทรงเต้านมซ้ายขวาให้ใกล้เคียงกันมากที่สุด

เทคนิคผ่าตัดใต้กล้ามเนื้อแบบ High Dual Plane ทำให้นมทรงสวยเท่ากัน ไม่เป็นลอน ไม่เป็นขอบ ด้านบนสวยเนินอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ เต้านมด้านล่างตึงไม่หย่อนคล้อย ลดปัญหานมเคลื่อนไปมาหลังเสริม ลดปัญหาทรงซิลิโคนนมหล่นต่ำลงหรือไหลออกข้าง และลดการเกิดพังผืด ยืดอายุการใช้งานซิลิโคน รวมทั้งการวัดหน้าอกแบบ3D เพื่อคำนวณซิลิโคนที่เหมาะที่สุดก่อนการเสริมหน้าอก เป็นเทคนิค

และในบางเคสที่ผิวหนังบางเนื้อน้อย คุณหมอจะเสริมซิลิโคนพร้อมเติมไขมัน เพื่อให้ไม่เห็นเป็นลอนซิลิโคนและหน้าอกชิดกันแบบเป็นธรรมชาติมากกว่าการเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียว เพื่อสัมผัสที่นุ่มเนียนคล้ายเต้านมจริงมาก ไม่เห็นรอยพับซิลิโคนหรือขอบซิลิโคน และที่สำคัญที่สุด การป้องกันการเกิดพังผืดคือการเซาะร่องขนาดโพรงในหน้าอกให้พอดีกับขนาดของซิลิโคนและฆ่าเชื้อซิลิโคนไม่ให้มีเชื้อใดๆเข้าไปได้ระหว่างการผ่าตัด เมื่อลดการเกิดพังผืดได้ เต้านมก็จะนิ่มและเป็นธรรมชาติ

Q: ซิลิโคนยี่ห้อใดที่คนไข้นิยมเลือกใช้บ้าง และด้วยเหตุผลอะไร ?
A: ซิลิโคนในท้องตลาดมีจำนวนมาก แต่ในปัจจุบัน ซิลิโคนที่นิยมที่สุดคือ Motiva และ Bella Gel และด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยของ Motiva ทำให้ Motiva เป็นตัวเลือกที่คนไข้เลือกเป็นอันดับ 1
สาเหตุที่คนไข้เลือก silicone Motiva ด้วยสาเหตุดังนี้Soft & Natural :

➠ Motiva นิ่มมาก ยืดหยุ่นสูง เมื่อเทียบกับซิลิโคนยี่ห้อ Mentor Allergan Silimed Sebbin (จากข้อมูลรายงานทางวิทยาศาสตร์รีโอโลยีของ Establishment Labs)
นอกจากนี้ซิลิโคนMotiva(โมติว่า)มีผิวซิลิโคนเป็นแบบนาโนซึ่งเข้าได้ดีกลมกลืนกับเนื้อเยื่อร่างกายสูงช่วยทำให้เกิดเนื้อเยื่อพังผืดมาเกาะน้อยมากกว่าซิลิโคนชนิดอื่นจึงสัมผัสแล้วนิ่มกว่า ดังนั้นรูปทรงและสัมผัสหลังเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนMotiva(โมติว่า) จึงให้ความนิ่มเหมือนเต้านมธรรมชาติมากที่สุด

➠ ปรับรูปทรงได้ตามการเคลื่อนไหว | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า)เพียงรายเดียวที่มีนวัตกรรม เจลชนิดพิเศษ "สามารถปรับรูปทรงได้ตามการเคลื่อนไหว (Ergonomix)" เวลานอนจะแบนกลม แต่เวลายืนขึ้นจะกลายเป็นทรงคล้ายหยดน้ำ ดังนั้นการเสริมเต้านมด้วยซิลิโคนMotiva(โมติว่า) จึงทำให้ทรงของเต้านมร่างมีการเคลื่อนไหวตามร่างกายเหมือนเต้านมธรรมชาติมากที่สุด

➠ แผลผ่าตัดเล็กลง | ด้วยความนิ่มและยืดหยุ่นของซิลิโคนMotiva(โมติว่า) ทำให้ผ่าตัดใส่ได้ง่ายจึงทำให้ "แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลง" กว่าการเสริมเต้านมด้วยซิลิโคนชนิดอื่น

➠  ผิวเรียบไม่เป็นคลื่น | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า) ช่วยลดปัญหาผิวเป็นคลื่นหลังทำนม (Rippling)เพราะมีการบรรจุเจลแน่นพิเศษมากกว่าซิลิโคนยี่ห้ออื่น (100%Gel-filled), จากผลการวิจัยของDoran Park Hospital,London,UK ไม่พบเคสที่ผิวเป็นคลื่นหลังผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนMotiva(โมติว่า)

➠ ลดปัญหาการเกิดพังผืดหดรัดซิลิโคน | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า) ปลอดภัยมากกว่า ด้วยนวัตกรรมใหม่ในการผลิตผิวซิลิโคนพิเศษเป็น Nano-Silk Surface ซึ่งลดการมีเชื้อแบคทีเรียมาเกาะ(Biofilm) ลดการอักเสบของร่างกาย ลดการต่อต้านจากร่างกายหลังเสริมหน้าอก ทำให้ไม่ต้องกังวลกับปัญหานมแข็ง นมเป็นพังผืดรัด และยืดอายุการใช้งานซิลิโคนได้นานมากกว่าเมื่อเทียบกับซิลิโคนผิวเรียบหรือผิวทรายแบบเดิมทุกยี่ห้อ (Mentor Allergan Silimed Sebbin ฯลฯ)

➠ ลดการผ่าตัดแก้ไข การผ่าตัดซ้ำ | จากผลการวิจัยในวารสารASJ ปี2017 พบว่าซิลิโคน Motiva (โมติว่า) ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่ทำให้ต้องมาผ่าตัดซ้ำ ผ่าตัดแก้ ได้มากกว่าซิลิโคนยี่ห้ออื่น (เช่นMentor Allergan Silimed) ถึง 11 เท่า จึงเหมาะกับคนที่อยากเสริมหน้าอกอย่างปลอดภัยและอยู่ได้นาน ไม่ต้องมาแก้ไขซ้ำซาก

➠ ปลอดภัยจากการแตกรั่ว | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า) ปลอดภัยจากการแตกรั่ว ด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง(TrueMonoBloc และ BluSeal) ทำให้ลดโอกาสแตกรั่วได้ได้มากกว่า 30 เท่า เทียบกับซิลิโคนยี่ห้ออื่น (Mentor Allergan Silimed)

➠ เจลมีความเกาะตัวสูง | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า)มีเจลข้างในเกาะตัวกันสูง (HIgh Cohesiveness) แม้ซิลิโคนจะเคลื่อนไหวเปลี่ยนรูปทรงไปมาได้แบบ Ergonomix แต่เจลก็ยังเหนียวเกาะตัวกัน ทำให้ปลอดภัยสูง หากเกิดการแตกรั่วเจลก็จะไม่ไหลกระจายออกมา

➠ ปลอดภัยจากการอักเสบ น้ำเหลืองคั่งและมะเร็งน้ำเหลือง ALCL | ด้วยผิวซิลิโคนแบบนาโนของซิลิโคนMotiva(โมติว่า) ซึ่งถูกวิจัยแล้วว่าร่องขนาดเล็กนาโนที่ผิว มีขนาดพอดีกับเซลล์ร่างกายจึงมีความเข้ากันกับเนื้อเยื่อร่างกายมากที่สุด(Biocompatibility) ไม่เกิดปฏิกริยาต่อต้าน ไม่เกิดภาวะน้ำเหลืองคั่ง หรือ เต้านมบวมอักเสบหลังเสริมหน้าอก ซิลิโคนผิวนาโนจึงดีกว่าซิลิโคนผิวเรียบและผิวทรายแบบเดิม
(นับตั้งแต่เริ่มผลิตใช้ในปี 2010 ยังไม่มีรายงานการเกิด เต้านมบวม น้ำเหลืองคั่ง และ มะเร็งน้ำเหลืองALCLจากซิลิโคนMotiva)

➠ ผ่านการรับรอง อย. FDA | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า)ผ่านการรับรองจาก อย. กว่า 80 ประเทศทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมใช้อย่างแพร่หลายในยุโรป, เอเชีย (รวม เกาหลี จีน),อเมริกาใต้, ออสเตเรีย และกำลังเก็บข้อมูลขั้นตอนสุดท้ายในการขอรับรองจากUS-FDA สหรัฐอเมริกา

➠ รับประกันการแตกรั่ว | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า) มีการรับประกันการแตกรั่วตลอดอายุการใช้งาน หากเกิดการแตกรั่วบริษัทจะเปลี่ยนซิลิโคนให้ใหม่

➠ รับประกันการเกิดพังผืด | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า)ยังเป็นซิลิโคนรายเดียวที่ให้การรับประกันการเกิดพังผืดนาน 10 ปี และคนไข้ยังสามารถซื้อประกันเพิ่มต่อได้อีกด้วย

➠ ตรวจสอบได้ | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า) ทุกชิ้น ทั้งรุ่นที่มีชิปและไม่มีชิป คนไข้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มา วันที่ผลิต สถานพยาบาล ข้อมูลการผ่าตัดและข้อมูลการรับประกันได้ด้วยตัวเองตลอดเวลา

➠ เก็บข้อมูล On Line ไม่สูญหาย | ซิลิโคนMotiva(โมติว่า)ให้ความสะดวกเพราะมี Application เฉพาะสำหรับคนไข้ที่เสริมซิลิโคนMotiva จึงไม่ต้องกังวลเรื่องลืมข้อมูลซิลิโคน หรือบัตรรับประกันหาย

➠ ชิปข้อมูล ใช้ได้อย่างปลอดภัย | สำหรับรุ่นมีชิป ซิลิโคนMotiva(โมติว่า)จะช่วยยืนยันข้อมูลซิลิโคนได้แม่นยำมากขึ้น ปลอดภัยสูง และใช้ได้ตลอดไป เพราะชิปQid เป็นเทคโนโลยีRFIDที่ผ่านการรับรองจาก US FDA ว่าสามารถใช้ใส่ในร่างกายได้เช่นเดียวกับเครื่องมือแพทย์อื่นๆ








Q: ห้องผ่าตัดได้รับมาตราฐานหรือไม่ วางยาสลบหรือยานอนหลับ มีวิสัญญีแพทย์ตลอดการผ่าตัดหรือไม่ และโรงพยาบาลได้มาตราฐานหรือไม่ ?
A: รพ.นานะ มีห้องผ่าตัดมาตราฐานสากล 15 ห้องด้วยศัลยแพทย์ 15 ท่าน และวิสัญญีแพทย์ประจำทุกการผ่าตัด มีกล้องวงจรปิดในห้องผ่าตัด มาตราฐานสูงสุดสำหรับห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ ด้วยทีมพยาบาลและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานในระดับสูง ในทุกเคสการผ่าตัด เราควบคุมการดมยาโดยวิสัญญีแพทย์ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ด้วยเครื่องดมยาและเครื่องช่วยหายใจที่ทันสมัยได้มาตรฐาน

Q: หลังการทำศัลยกรรมหน้าอกสามารถให้นมลูกได้ไหม หรือมีผลกระทบต่อการให้นมลูกหรือไม่ ?
A: โดยทั่วไปแล้ว การเสริมหน้าอกมักมีการวางซิลิโคน 2 ตำแหน่ง คือ วางใต้กล้ามเนื้อ หรือวางใต้ตัวเนื้อนม แต่ไม่ว่าจะวางซิลิโคนไว้ตรงตำแหน่งไหนก็ไม่มีผลต่อการให้นมลูก เนื่องจากถุงซิลิโคนวางอยู่ด้านใต้เนื้อนมส่วนที่ใช้สร้างน้ำนม ไม่มีผลกระทบต่อการสร้างน้ำนม จึงสามารถให้นมลูกได้ตามปกติ และ การเสริมหน้าอกไม่ได้ทำให้ปริมาณของน้ำนมลดลง หากลูกได้ดูดนมตั้งแต่หลังคลอด ดูดทุก 2 ชั่วโมงหลังคลอดใหม่ ๆ และอมหัวนมจนมิดลานนมอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตาม อาจมีคุณแม่บางราย ที่เสริมเต้านมแล้วอาจรู้สึกชาหัวนมเมื่อลูกดูดนม นอกจากนี้ปฏิกิริยาของระบบประสาทที่กระตุ้นให้น้ำนมไหลพุ่งออกจากหัวนมอาจลดลง จึงทำให้นมไหลน้อยลงได้เหมือนกัน

มีคุณแม่หลายคนที่เป็นกังวลว่า หากผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกแล้วจะให้นมลูกน้อยไม่ได้ หรืออาจจะเป็นอันตรายต่อลูกที่ต้องกินนมแม่ ซึ่งในปัจจุบันนี้อาจไม่ต้องกังวลไปค่ะเพราะในยุคนี้การผ่าตัดเสริมหน้าอกนิยมผ่าตัดใต้รักแร้หรือใต้ราวนม และใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปข้างใต้หรือเหนือกล้ามเนื้อเต้านม ไม่มีการตัดท่อน้ำนมหรือตกแต่งบริเวณหัวนม จึงทำให้ไม่มีผลกระทบต่อการให้นมลูก แต่การเสริมหน้าอกก็อาจมีผลกระทบต่อตัวคุณแม่บ้างเล็กน้อย เช่น คุณแม่จะรู้สึกคัดตึงมากกว่าปกติขณะให้นมลูก ทำให้การให้นมลูกเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น คุณแม่อาจรู้สึกชาบริเวณหัวนมเมื่อลูกดูดนม แต่โดยรวมแล้วการเสริมหน้าอกไม่มีปัญหากับการให้นมบุตรค่ะ

9. จะต้องมีการเตรียมอย่างไรก่อนที่จะทำการผ่าตัดเต้านม ?

Q: คุณหมอจะทำการผ่าตัดที่ไหนบ้าง และแผลผ่าตัดจะอยู่ที่จุดไหนบ้าง และ คุณหมอใช้เทคนิคใดในการเย็บปิดแผล ต้องตัดไหมหรือไม่ ?
A: การเสริมหน้าอกโดยปกตินั้นจะมีตำแหน่งการเปิดแผลอยู่ 3 ตำแหน่ง คือ ใต้ราวนม รักแร้ และที่ปานนมค่ะ ซึ่งในแต่ละตำแหน่งก็ให้ข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนการเสริมหน้าอก ควรศึกษามาอย่างดีซะก่อน ว่าผ่าตำแหน่งไหนถึงจะเหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเองที่สุด ความแตกต่างของการผ่าตัดแต่ละตำแหน่ง
➠ ผ่าใต้ราวนม
• ข้อดี แผลหายเร็วกว่าแบบอื่น เหมาะกับคนที่ชอบใส่เสื้อกล้ามหรือสายเดี่ยว รับรองว่าโชว์ได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็นแผลเลยค่ะ
• ข้อเสีย ถ้าหมอที่ไม่ชำนาญในการผ่าตัด จะทำให้แผลมีขนาดใหญ่ เห็นแผลชัด
 ผ่าตรงรักแร้
• ข้อดี ซ่อนแผลได้ดี ไม่ค่อยเห็นรอยแผลเพราะอยู่บริเวณข้อพับรักแร้
• ข้อเสีย การผ่าตัดค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลาพักฟื้นนาน แถมยังไม่เหมาะกับคนที่ชอบใส่เสื้อแขนกุดอีกด้วย
➠ ผ่าบริเวณปานนม
• วิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะไม่สามารถใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่ได้และมีเนื้อที่ค่อนข้างจำกัด

ศัลยแพทย์ของ รพ.นานะ ใช้เทคนิคการเย็บผิวชั้นนอกด้วยกาวแทนไหม ทำให้คนไข้ดูแลตนเองได้ง่าย สามารถอาบน้ำได้ และไม่ต้องตัดไหม อีกทั้งยังทำให้แผลสวยกว่าการเย็บด้วยไหมด้วยค่ะ
แต่กาวในการเย็บแผลมีราคาสูง ทำให้หลาย รพ. ยังไม่ใช้วิธีนี้
แต่ที่ รพ.นานะ คุณหมอใช้วิธีนี้ทุกเคสค่ะ

Q: ขนาดซิลิโคนที่เหมาะสมกับตัวเรา ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง ?
A: โดยทั่วไปคนทั่วไปวัดขนาดที่ต้องการตามขนาดของยกทรงเช่น ขนาด 32-40 หรือ 65-80 โดยเป็น คับ A, B, C แต่ในการผ่าตัดการวัดขนาดที่ต้องใช้จะวัดเป็น ซีซี โดยการเลือกขนาดต้องคำนึงถึงระดับที่ใส่ในการเสริมด้วย (การเสริมในระดับใต้กล้ามเนื้อจะต้องเพิ่มขนาดประมาณ 15 %เพราะถุงซิลิโคนจะถูกกดลงโดยกล้ามเนื้อ) ดังนั้นการวัดขนาดจะต้องอาศัยประสบการณ์และเทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน หลังจากได้ขนาดที่ต้องการแล้วก็ต้องมาดูว่าเหมาะสมกับขนาดของหน้าอกหรือไม่ หรือขนาดใหญ่เกินไปหรือไม่โดยจะต้องเปรียบเทียบกับความกว้าง ยาว สูง ของเต้านมแต่ละแบบแต่ละทรงที่เลือกสำหรับผู้ที่เสริมใต้กล้ามเนื้อการใส่ถุงเต้านมที่ว่าจะใส่ใหญ่เท่าไรขึ้นอยู่กับการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อด้วย ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากก่อนการผ่าตัดโดยทั่วไปกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะรองรับถุงเต้านมขนาดใหญ่มากไม่ได้ แต่ถ้ากล้ามเนื้อที่มีความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อมากจะสามารถรองรับเต้านมขนาดใหญ่กว่าได้มาก เราจะสามารถบอกได้ชัดเจนว่ากล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้เพียงพอหรือไม่ ก็คือเวลาที่ผ่าตัด ดังนั้นบางครั้งการใส่ถุงใต้กล้ามเนื้ออาจต้องกำหนดขนาดสำรองไว้ด้วยว่าถ้าใส่ขนาดที่ต้องการไม่ได้จะใส่ขนาดเท่าไร

โดยทั่วไปหน้าอกข้างซ้ายและข้างขวาจะมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไม่มากก็น้อย ถ้าพูดถึงเรื่องขนาดเต้านมถ้ามีความแตกต่างกันไม่มากก็อาจเลือกถุงเต้านมขนาดเดียวกันได้ แต่ถ้าหน้าอกแต่ละข้างมีขนาดแตกต่างกันมากชัดเจนอาจต้องเลือกขนาดถุงที่ต่างกัน โดยที่หน้าอกข้างที่เล็กกว่าจะใส่ขนาดถุงเต้านมใหญ่กว่า ซึ่งโดยทั่วไปอาจใส่ได้ต่างกัน ตั้งแต่ 20-50 ซีซี ต้องทราบว่าในการเสริมหน้าอกการใส่ถุงเต้านมขนาดต่างกันเป็นเพียงการปรับขนาดเต้านมให้ใกล้เคียงกันแต่ขนาดเต้านมหลังผ่าตัดก็ยังต้องแตกต่างกันเล็กน้อยการใส่ถุงขนาดต่างกันไม่สามารถทำให้เต้านมมีขนาดเท่ากัน 100 % ได้

Q: สัมผัสของหน้าอกหลังการยุบบวมจะเป็นธรรมชาติมากแค่ไหน หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก จะนิ่มมากไหม ?
เนื่องจากคนไข้ส่วนใหญ่เลือกใช้ซิลิโคน Motiva และ Bella gel ซึ่งเป็นซิลิโคนที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก (Excellent elasticity) ทำให้มองดูคล้ายหน้าอกจริง และสัมผัสคล้ายของจริงมาก ส่วนในเรื่องของผิวสัมผัสที่ไม่ใช่ทั้ง ผิวทรายและผิวเรียบ(Nano texture) ทำให้ลดผลข้างเคียงที่เกิดจากผิวทั้งสองแบบได้ดี ทั้งพังผืดหรือ BIA-ALCL และลดการติดเชื้อ ยับยั้งการเกิด Biofilms ได้อีกด้วย

ซิลิโคนสอง brand ชั้นนำนี้ มีความยืดหยุ่นสูงก็สามารถใส่ผ่านแผลที่เล็กมากได้ (ต้องดูขนาดไซต์ซิลิโคนด้วย) และผิวสัมผัสที่เรียบเนียนตึงแต่ยืดหยุ่น เนื่องจากมีซิลิโคนเจลเกือบเต็มใบซิลิโคน >90% ทำให้ผิวสมานไปกับเนื้อนมจากด้านใน ไม่เกิดรอยย่นซิลิโคน (Rippling) หรือเกิดน้อยกว่าใช้ซิลิโคน Mentor ดังนั้นทำให้หน้าอกหลังยุบบวมมีสัมผัสที่นุ่มเนียนเหมือนหน้าอกธรรมชาติค่ะ

Q: การใส่เสื้อในประคองทรงมีกี่แบบและต้องใส่นานเท่าไหร่ ข้อดีของการใส่คืออะไร ?
A: หลังจากการศัลยกรรมหน้าอก สิ่งหนึ่งที่คุณจะละเลยไม่ได้เลยก็คือ การดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอกให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดหรือมีปัญหาตามมาภายหลัง การใส่ใจในเรื่องของบราหลังการทำหน้าอกก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการดูแลรักษาแผลผ่าตัดหลังเสริมหน้าอกนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจรายละเอียดเป็นอย่างยิ่ง หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก เราควรเลือกใส่ "ซัพพอร์ตบรา" ไม่ใช่  สปอร์ตบรา  เนื่องจากในอดีตเราอาจคุ้นเคย กับสปอร์ตบรากันมาตลอด แต่ปัจจุบัน เราต้องทำความเข้าใจใหม่  ว่า สปอร์ตบรา ใส่สำหรับออกกำลังกาย เท่านั้น  แต่ซัพพอร์ตบราคือบราที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี   เพื่อรองรับกับการทำหน้าอกที่ควบคู่มากับรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับทรวงอกที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดมา และตลอดระยะเวลาที่พักฟื้น

ควรเลือกใส่  “ซัพพอร์ตบรา” หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก เป็นเวลา 1 เดือน และต้องใส่ทุกวัน ตลอดเวลาทั้งกลางวัน และกลางคืนไม่ใช่สปอร์ตบรา อย่างที่เข้าใจกันมาโดยตลอด ข้อดีของการใส่ ซัพพอร์ตบราคือลดอาการบวมหลังผ่าตัด ลดรอยช้ำห้อเลือด ช่วยให้หน้าอกเข้ารูปได้เร็วขึ้นกลับ  สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น ช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้นหลังการผ่าตัด ช่วยจัดทรง หน้าอกให้เข้าทรงทำให้หน้าอกชิดสวย ช่วยลดรอยแผลเป็นและช่วยลดแรงตึงของผิวลดการเสียดสีของแผลใต้ราวนมถูกออกแบบมาให้เหาะสมกับสรีระ สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก และควรใส่นอนเพื่อป้องกันซิลิโคนออกด้านข้างทำให้หน้าอกชิด  ประคองหลังลดอาการปวดหลังตามระยะเวลาที่แพทย์สั่ง

Q: การทำศัลยกรรมหน้าอกก่อให้เกิดโรคมะเร็งเต้านมหรือไม่ ?
A: ปัจจุบันมีข้อสรุปแล้วว่าการศัลยกรรมเสริมเต้านม ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งเต้านมตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะพบว่าผู้ที่มีการเสริมเต้านมกับผู้ที่ไม่ได้ทำ มีอัตราการเกิดมะเร็งเต้านมไม่ได้ต่างกันเลย อย่างไรก็ตาม ก่อนศัลยกรรมเสริมเต้านมไม่ใช่ว่าจะทำได้เลย แต่ผู้เชี่ยวชาญต้องมีการตรวจประเมินเต้านมผู้มารับบริการก่อนว่า “เต้านม” มีความผิดปกติหรือไม่ มีโรคอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ หากพบความผิดปกติต้องทำการรักษาโรคเดิมก่อน โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมมาก่อน โดยทั่วไปแนะนำให้ตรวจอัลตราซาวนด์ หรือแมมโมแกรมดูพื้นฐานของหน้าอกปีละ 1 ครั้ง

Q: ก่อนผ่าตัดควรต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
 คนไข้จำเป็นต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัด 1 เดือน งดทานอาหารที่ไม่สุกหรือสุกๆดิบๆ และงดบุหรี่ หรือยาที่มีส่งผลกระทบต่อโรคความดันโลหิต เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และอาการบวมที่ยาวนานกว่าปกติ

 งด หรือ หยุด การทานวิตามิน e น้ำมันตับปลา สมุนไพร และอาหารเสริมทุกชนิด 1 สัปดาห์ เพราะวิตามินและอาหารเสริมบางตัวจะมีผลกับการผ่าตัด เสริมหน้าอก จะทำให้การปิดบาดแผลของระบบเลือดทำงานได้ช้าลง ส่งผลให้เลือดไม่ยอมแข็งตัว ซึ่งอาจเกิดอาการบวมช้ำนานกว่าคนอื่น ๆ รวมถึงอาหารที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดก่อนผ่าตัด 1 สัปดาห์ เช่น ผงชูรส กระเทียม หัวหอม ถั่วเหลือง อัลมอนด์ แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอรี่ แตงกวา ขิง มะเขือเทศ และ ยากลุ่มแอสไพริน ( Aspirin ) หรือไอบิวโพรเฟน ( Ibuprofen ) หรือยาอื่นที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยารักษาโรคไซนัส ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของยาดังกล่าว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด หากจำเป็นให้ใช้ยาพาราเซตามอลในการแก้ปวดเท่านั้น

 งดน้ำและอาหาร 8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด ควรอาบน้ำ สระผมมาให้เรียบร้อยด้วย

 ควรออกกำลังกายก่อนผ่าตัด 1 เดือน เพื่อเป็นการเตรียมกล้ามเนื้อให้แข็งแรง โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องเพราะจะช่วยให้การเปลี่ยนท่านั่งหรือนอนทำได้ง่ายขึ้น

 หากครอบครัวมีพันธุกรรม เกี่ยวกับการแตกลายของหน้าท้อง และนมลาย ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มลดน้ำหนัก หรือตั้งครรภ์ ซึ่งคุณควรทาครีม เพื่อบรรเทาในการลดอาการแตกลายของหน้าอก ก่อนที่คุณจะทำการเสริมหน้าอกอย่างน้อย 1 ถึง 3 เดือน ก่อนและหลังเสริมหน้าอก นั่นก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้หน้าอกของคุณลาย ซึ่งก็ช่วยได้ไม่มากก็น้อย

Q: ความเสี่ยงในการทำศัลยกรรมหน้าอกไม่อะไรบ้าง ?
➠ ภาวะแทรกซ้อนของการใช้ยาชา ยาสลบ  เช่น แพ้ยาชา ยาสลบ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ 
➠ ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดเสริมนมและสารที่เสริมนม พบได้ตั้งแต่น้อยกว่าร้อยละ 1 ถึงร้อยละ 28 จนต้องผ่าตัดแก้ไข เช่น ห้อเลือด มีเลือดคั่ง (Hematoma) ผิวหนังเต้านมตาย ถุงซิลิโคนทะลุ ติดเชื้อที่เต้านม ติดเชื้อที่ผิวหนัง เจ็บชาหัวนม มีแผลเป็นขนาดใหญ่ พังผืดหดรัดตัว ซิลิโคนเหลวรั่ว นมและหัวนมสองข้างระดับไม่เท่ากัน นมและหัวนมบิดเบี้ยว ซิลิโคนอยู่ผิดที่ คลำถุงซิลิโคนได้ชัด ถุงซิลิโคนโป่งผิดที่ ผิวหนังเต้านมไม่เรียบ ดูไม่เป็นธรรมชาติ
➠ เกิดหลอดเลือดดำที่ผิวหนังเต้านมอุดตันอักเสบ เรียกว่า Mondor disease ทำให้เจ็บ บวม มีก้อนที่เต้านม แม้จะเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย แต่นอกจากทำให้ไม่สุขสบายแล้ว อาจเกิดลิ่มเลือดหลุดเข้าเส้นเลือดไปอุดตันสมองและหัวใจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้

Q: ต้องดูแลตนเองหลังผ่าตัดอย่างไร พักฟื้นนานแค่ไหน ดูหน้าอกจะเข้าที่ยุบบวมต้องใช้เวลาเท่าไหร่
➠ จากเทคนิคการใช้กาวสมานแผลแทนไหม คนไข้สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ แต่หลังจากถูกน้ำให้ใช้ผ้าเช็ดตัวที่สะอาดซับน้ำให้แห้ง ห้ามถูหรือขยี้ที่บริเวณแผลผ่าตัดเด็ดขาด ทั้งนี้ไม่ควรแช่ตัวลงในอ่างอาบน้ำ เพราะแผลที่แช่อยู่ในน้ำนานอาจมีโอกาสอักเสบได้
➠ ในช่วงอาทิตย์แรกหลังผ่าตัด ควรนอนหงายไม่ควรนอนตะแคงข้าง โดยท่านอนที่ถูกต้องคือ ควรนอนให้ลำตัวส่วนบนสูงประมาณ 30-45 องศา จะช่วยลดอาการบวมลงได้ แนะนำให้นอนหนุนหมอนสูง ดันหลังสัก 2-3 ใบ และควรนอนพักผ่อนให้มาก ๆ หลังผ่าตัด  
➠ ให้สาว ๆ สังเกตแผลผ่าตัด หากมีอาการอักเสบ แดง บวม เจ็บแผลไม่หาย หรือมีเลือดและหนอง ให้รีบบอกแพทย์ทันที
➠ ต้องสวม support บราตลอด 1 เดือน หลังจากนั้นสามารถใส่บราชนิดไม่มีโครงต่ออีก 3 เดือน จึงจะสามารถใส่บราที่มีโครงได้ได้ตามความต้องการ
➠ ไม่ควรยกของหนักเกิน 2 กิโลกรัม ในช่วง 1 เดือนแรกหลังการผ่าตัด
➠ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ใน 2 อาทิตย์หลังการผ่าตัด แต่ควรระมัดระวังในการสัมผัสหน้าอกด้วย อย่าให้ขยำหรือบีบแรงเกินไป ไม่อย่างนั้นแผลอาจปริได้
➠ รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และควรไปตรวจตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง ทั้งนี้ให้งดยาประเภทแอสไพริน บรูเฟน วิตามินอี น้ำมันตับปลา หรือสมุนไพรต่าง ๆ ประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัดเพราะยาเหล่านี้ทำให้เลือดออกได้ง่าย หรือทางที่ดีหากจะรับประทานยาอะไรเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
➠ สำหรับอาการเสียวแปลบที่ด้านข้างของเต้านมหรือหัวนมอาจเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง และถือเป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ในชั่วคราว ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอาการนี้จะหายไปเองภายใน 3 เดือน
➠ แผลเป็นในระยะแรกจะเห็นชัดในช่วง 2-3 เดือนแรก โดยแผลเป็นจะมีสีเข้มขึ้นและหนา แต่จะค่อย ๆ จางลงและนิ่มลงจนเป็นปกติในเวลา 1 ปี ดังนั้นระยะแรกหลังผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงการอาบแดด และควรทาครีมกันแดดบริเวณแผลเป็นด้วย
➠ หลังการทำศัลยกรรมผ่าตัดไปแล้วในระยะยาว ควรหมั่นตรวจดูเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ เพื่อดูลักษณะของเต้านมว่ามีอะไรผิดปกติ หรือเปลี่ยนไปหรือไม่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 
และปรึกษาผ่านทางไลน์ @nanahospital.th (มี@ด้วยค่ะ) ได้เลยนะคะ
Add LINE คลิ๊กที่ปุ่ม >>เพิ่มเพื่อน
YOUTUBE คลิ๊กที่ปุ่ม >>

 LINE: @nanahospital.th
 IG: nanahospital.th
TWITTER: th_nanahospital


FREE 📣ล่าม
FREE 📣คืน Tax Refund
FREE 📣รถรับ-ส่ง
FREE 📣ที่พัก
FREE 📣ทรีทเม้นต์ลดบวมหลังผ่าตัด





NANA Hospital
Location : 492 Gangnam-daero, Gangnam-gu, Seoul, South Korea
Line ID : @nanahospital.th
Phone number: +82-70-5202-8847 (Thai hotline) 

ความคิดเห็น